วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558

อย่าคลิกดูคลิปโป๊บน Facebook เสี่ยงติดมัลแวร์ !!!

นักวิจัยด้านความปลอดภัยออกมาให้ข้อมูลว่ามีผู้ใช้งานบน Facebook นับแสนรายติดมัลแวร์ภายในระยะเวลาเพียง 2 วัน หลังดาวน์โหลดติดตั้ง Flash Player จากลิ้งค์ปลอมที่แชร์มากับคลิปโป๊
Facebook
      หลายครั้งที่เรามักจะเห็นเพื่อนหรือคนรู้จักใน  ทำการโพสต์หรือแชร์คลิปต่าง ๆ พร้อมกับติดแท็กชื่อเพื่อนนับสิบคนในโพสต์นั้นด้วย แต่พอสอบถามไปยังเพื่อนที่เป็นเจ้าของโพสต์กลับได้คำตอบว่าไม่ได้โพสต์ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยมาก สาเหตุหนึ่งที่นักวิจัยด้านความปลอดภัยออกมาเตือนในครั้งนี้มาจากการคลิกดู คลิปโป๊ที่แชร์บนไทม์ไลน์ Facebook นั่นเอง
      Mohammad Faghani นักวิจัยด้านความปลอดภัยอธิบายว่าเมื่อผู้ใช้งานบน Facebook คลิกดูคลิปโป๊ มันจะแจ้งให้ติดตั้งโปรแกรม Flash Player (ซึ่งเป็นของปลอม) ถึงจะสามารถดูคลิปดังกล่าวได้ หากเราไม่ทำตามและกดออกไปก็จะไม่มีผลอะไร แต่ถ้าเราเผลอทำตามโดยการกดดาวน์โหลดและติดตั้ง ผลที่ตามมาก็จะเป็นแบบนี้ครับ
12055-trojan_article
      โทรจันนี้จะทำการแชร์คลิปออกไปในชื่อของเราอัตโนมัติ พร้อมกับแท็กชื่อเพื่อนบน Facebook ของเราด้วย ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้เกิดการแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว เกิดความเสียหายกับผู้ใช้งานจำนวนมาก ไม่เพียงเท่านี้มันยังอาจเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเราได้ด้วยหากเผลอยืนยัน การอนุญาตเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว โดยแนวทางการป้องกันก็คือห้ามกดดูคลิปโป๊หรือติดตั้งโปรแกรมแปลก ๆ จากแหล่งที่ไม่รู้จัก ส่วนทางด้าน Facebook เองก็มีมาตรการการจัดการเรื่องนี้เช่นกัน
      ทางทีมงานของเตือนให้ระวังและสังเกตอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ หากคลิปไหนที่แชร์มาบนไทม์ไลน์ Facebook เมื่อคลิกเข้าไปดูแล้วมีการร้องขอสิทธิการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว ให้ระวังไว้ก่อนและอย่าเพิ่งคลิกยอมรับ เพราะถ้าคลิปที่ต้องการแชร์ให้ดูจริง ๆ ไม่ควรการเรียกร้องสิทธิการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวครับ !!!
      ติดตามเรื่องราวดี ๆ แบบนี้หรือหากเพื่อน ๆ เคยเจอปัญหาในลักษณะนี้สามารถเข้าไปแชร์ประสบการณ์และร่วมพูดคุยกับทีมงานได้ที่แฟจเพจ www.facebook.com/iPhoneDroid.net ครับ ^^
ที่มา : theguardian
สนับสนุนเนื้อหา: www.iphone-droid.net

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Adobe เปลี่ยนชื่อ Adobe Flash Professional เป็น Adobe Anime เผยเวอร์ชั่นแรกต้นปี 2016

    และแล้วก็ถึงเวลาที่ Adobe จะต้องเปลี่ยนชื่อโปรแกรมสร้าง Animation ที่เคยดังอย่าง Adobe fessional เป็น Adobe Anime บ้างแล้ว เพราะเนื่องจากข่าวที่ผ่านมานั้น ชื่อเสียงของ Flash ไม่ค่อยจะดีนัก และกระแสการมาของ HTML 5 ทำให้ Flash แทบจะตกลงโดยทันที
    โดยการแก้ไขเบื้องต้นของการรองรับนี้คือการทำให้ Flash รองรับ HTML 5 Canvas และ Web GL ทำให้ Adobe ต้อง Reboot ชื่อใหม่ของโปรแกรมตัวนี้นั่นเอง
    ซึ่งการทำงานของ Adobe Flash Professional  นั้นจะถูกย้ายไปทำบน Adobe Anime ได้เช่นกันเดียวกัน ส่วนการอัพเดทเวอร์ชั่นของ Flash Professional จะสิ้นสุดในเดือนมกราคม 2016 และจะเปิดให้โหลด Adobe Anime แทน โดยคนที่สามารถติดตั้งได้ก่อนก็จะเป็นกลุ่มของคนใช้โปรแกรม Creative Cloud เท่านั้น
    ส่วนคนที่ใช้ของเถื่อนก็อดไป อย่างไรก็ดี ถือว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ใหญ่พอสมควร แต่จะถูกใจคนทำ Animation หรือไม่คงต้องรอเวลาที่โปรแกรมตัวนี้ออกมาอย่างเป็นทางการล่ะครับ
ที่มา: Adobe

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ 4G ที่คนไทยต้องรู้ไว้ก่อนใช้งานจริง

 หลายคนอาจจะเคยคิดว่า 3G ก็แรงมากพอในการใช้โทรศัพท์ Smart Phone แล้ว แต่แน่นอนเทคโนยีใหม่ๆก็มักจะมาแทนที่ของเก่าอยู่ตลอดเวลา เช่นเดียวกับ 3G ที่กำลังจะถูกแทนที่ด้วย  ที่ทันสมัยและรวดเร็วกว่าเดิม และคนไทยเรารู้จัก 4G กันมากพอแล้วหรือยัง
ทีมงาน toptenthailand เลยขอรวบรวมข้อมูลในหัวข้อ 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ 4G ที่คนไทยต้องรู้ไว้
10.ประเทศที่มี 4G ครอบคลุมมากที่สุด
     ประเทศนั้นก็คือเกาหลีใต้ ครอบคลุมถึง 97% และอันดับ 2 ก็คือ ญี่ปุ่น 90% อันดับ3 ก็คือ ฮ่องกง 86%
9. 4G ที่ไหนแรงที่สุด
     ประเทศ Australia มีความเร็วในการดดาวว์โหลดเฉลี่ยอยู่ที่ 24.5 mbps
8.มือถือที่รองรับ 4G LTE
     ปัจจุบัยมีอุปกรณ์ที่รองรับ LTE หรือ 4G มากถึง 3,745 รุ่น จากผู้ผลิตกว่า 339 ราย
7.ราคาเริ่มต้นในการประมูล
     ในการประมูล 4G ที่เริ่มต้นในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2558 นั้นมีราคาเริ่มต้น 15,912 ลบ. เคาะราคาครั้งละ 796 ลบ. และเมื่อราคาแตะ 19,890 ลบ. การเคาะราคาจะเป็นครั้งละ 398 ลบ.
6.ระยะเวลาในการประมูล
     ณ ตอนกำเนิด Content นี้การประมูลยังไม่จบสิ้น โดยล่าสุดอยู่ที่การบิดครั้งที่ 79 มูลค่ารวม 76,400 ลบ. และหลายคาดว่าอาจจะทะลุแสนล้านบาทก็เป็นไปได้ ที่เยอรมันในการประมูล 4G ใช้เวลาทั้งสิ้น 27 วัน 224 รอบ และที่อินเดียใช้เวลาในการประมูลถึง 19 วัน 115 รอบ
5.1800Mhz กับ 900Mhz ต่างกันยังไง?
     อย่างที่ทราบว่าในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2558 มีการประมูล 4G คลื่น 1800Mhz และในเดือนธันวาคม 2558 จะมีการประมูลคลื่น 900Mhz อีกครั้ง ส่วนความต่างระหว่าง 2 คลื่นนี้ก็คือ 900Mhz จะสามารถกระจายคลื่นได้ไกลกว่า แต่อุปกรณ์ที่รองรับมีน้อยกว่า และเช่นเดียวกัน 1800Mhz กระจายคลื่นได้ไม่ไกลเท่า แต่มีอุปกรณ์ที่รองรับมากกว่า
4.4G เร็วกว่า 3G มากแค่ไหน
     4G ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจาก 3G โดยมีความเร็วมากกว่า 3G แบบเดิมถึง 5 เท่า โดยทำความเร็วได้ตั้งแต่ 100 Mbps ไปจนถึง 1024 Mbps เลยทีเดียว
3.จริงๆแล้ว 4G หมายถึงอะไร?
     4G จริงแล้วหมายถึง Forth Generation ที่มาแทนที่ระบบที่ออกมานานแล้วอย่าง 3g และเหตุผลที่เกิด 4G ขึ้นมา ก็เพราะที่จะแก้ไขจุดอ่อนของระบบเดิม โดยระบบเครือข่ายใหม่นี้ จะสามารถใช้งานได้ แบบไร้สาย รวมถึงคุณสมบัติการเชื่อมต่อเสมือนจริงในรูปแบบสามมิติ (three-dimensional) ระหว่างผู้ใช้โทรศัพท์ด้วยกันเอง นอกจากนั้น สถานีฐาน ซึ่งทำหน้าที่ในการส่งผ่านสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่จากเครื่องหนึ่ง ไปยังอีกเครื่องหนึ่ง
2.ระบบ 4G มีกี่แบบ
     ระบบ 4G ในปัจจุบันจะมีทั้งหมด 2 ระบบย่อย นั้นก็คือ LTE หรือ Long term Evolution และ WI-MAX แต่ระบบย่อยแรกจะได้รับความนิยมมากกว่า และแน่นอนว่าใช้กันในหลายประเทศทั่วโลก แต่สำหรับ Wi-MAX จะใช้กันแค่ในบางประเทศ ยกตัวอย่างเช่น ญี่ปุ่น , ไต้หวัน รวมไปถึง บังคลาเทศ
1.มีใครร่วมประมูล 4G บนคลื่น 1800 Mhz บ้าง?
     ในการประมูลที่ถูกจัดขึ้นและเริ่มประมูล 4G ภายใต้คลื่น 1800Mhz นั้นมีทั้งหมด 4 เจ้า ประกอบด้วย JAS หรือ บริษัท แจส โมบาย บรอดแบรนด์ จำกัด , AIS หรือ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด , DTAC หรือ บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด และ Truemove H หรือ บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด

**หมายเหตุ
     ข้อมูลทั้งหมดที่ทาง toptenthailand.com นำเสนอได้มาจากการสำรวจความคิดเห็นเชิงสถิติ ด้วยขั้นตอนที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ของหัวข้อนั้นๆ ทางเว็บไซต์ toptenthailand.com มิได้มีเจตนาที่จะนำเสนอข้อมูลดังกล่าวเพื่อชี้นำ หรือ ก่อให้เกิดความแตกแยกใดๆ ในสังคมทั้งสิ้น เราและทีมงานเพียงแต่ต้องการนำเสนอข้อมูลทางสถิติที่เรารวบรวมเพื่อเป็นสาระ และเป็นการสะท้อนอีกด้านหนึ่งของสังคม ให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต และประชาชน ทั่วไปรับชมเท่านั้น (โปรดใช้วิจารณญาณในการชม และบริโภคข้อมูลจาก toptenthailand.com) และหรือในบางกรณี www.toptenthailand.com จะทำหน้าที่ เป็นสื่อกลางในการรวบรวม และนำเสนอข้อมูลในการจัดอันดับที่มีอยู่แล้วในสื่อต่างๆ ทั้งทาง Internet และสิ่งพิมพ์ โดยเราจะอ้างอิง ให้เครดิต ถึงแหล่งที่มาในทุกๆ ครั้งไป


สนับสนุนเนื้อหา: ทีมงาน toptenthailand.com

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ประโยชน์ของการใช้แท็บเล็ตเพื่อการศึกษาในเด็ก

            ในปัจจุบันเทคโนโลยีการสื่อสารสารสนเทศได้ควบรวมกลายเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตของคนในยุคปัจจุบันอย่างแยกไม่ออก ซึ่งหน่วยงานด้านการศึกษามีการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทต่างๆเข้ามาเป็นสื่อในการเรียนการสอนกันมากขึ้น วันนี้หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) มีความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของการใช้แท็บเล็ตเพื่อการศึกษาในเด็กมาฝากกัน (อ่านต่อคลิ้ก)
unnamed-8

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

โพสต์ต้องคิด คลิกเสี่ยงคุก!! 10 พฤติกรรมที่ใช้งานโซเชียลมีเดียกระทำความผิด

      กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) จัดกิจกรรมรณรงค์ “โพสต์ต้องคิด…คลิกเสี่ยงคุก” โดยระบุว่า ต้องการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักรู้เกี่ยวกับการโพสต์ แชร์ ข้อความเท็จ ที่สร้างความเสียหายให้ผู้อื่น และสร้างความวุ่นวายในสังคม ว่า มีความผิดตามกฎหมาย ไม่ต้องการให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ หรือเป็นผู้กระทำผิดเสียเอง
140314-facebook-illustration-jsw-1007a_8e6c9f0c83f147f21eafd39eb07cc0d9

เพราะการกดไลค์ หรือกดแชร์อาจเข้าข่าย โดยไม่สามารถใช้คำว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์มาเป็นข้ออ้างตามกฎหมายได้ ซึ่งแม้บางคนรู้กฎหมายอยู่แล้ว แต่ชะล่าใจว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ ไม่สามารถดำเนินการได้ แต่ความเป็นจริง ความผิดเทคโนโลยีสืบง่าย เพราะมีหลักฐานที่ชัดเจนเป็นวิทยาศาสตร์

1. อัพโหลดรูปลามกอนาจาร
2. ปล่อยข่าวลือ ทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย
3. ตัดต่อภาพบุคคลอื่น ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ทำให้เจ้าของภาพเสียหาย อับอาย
4. แอบขโมยข้อมูลของผู้อื่นไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว เพื่อหากำไร หรือใช้กลั่นแกล้ง
5. กุเรื่องใส่ร้ายป้ายสีให้ผู้อื่นเสียหาย อับอาย
6. แอบดูและดัดแปลง นำไอดี หรือพาสเวิร์ดบุคคลอื่นไปใช้ เพื่อแอบดูข้อมูลของผู้อื่น
7. แก้ไขเพิ่มเติมไฟล์งานของบุคคลอื่น ทำให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของไฟล์
8. ส่งต่อข้อมูลโดยไม่บอกที่มา สร้างความรำคาญ
9. แชร์ข้อมูลโดยไม่คัดกรอง และเป็นข้อความที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
10.โพสต์ข้อความที่หมิ่นสถาบันเบื้องสูง
ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีมาตรการลงโทษอย่างจริงจัง ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่อาจมีโทษจำคุกถึง 15 ปี
ขอบคุณบทความจาก flashfly

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Huawei โชว์เทคโนโลยี Super Quick Charging แค่ 5 นาทีชาร์จแบตเตอรี่ได้ 48% (ชมคลิป)

Screen Shot 2558-11-16 at 1.37.28 PM
สถาบันวิจัย Watt Lab ของ Huawei ได้โชว์เทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบใหม่ที่เรียกว่า Super Quick Charging ที่ชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ได้รวดเร็วกว่าแบบเดิมมาก โดยได้ทำการทดสอบนำแบตเตอรี่ความจุ 600mAh มาชาร์จในเวลาสั้นๆเพียง 2 นาทีได้มาถึง 68% และเมื่อนำแบตเตอรี่ความจุขนาด 3,000mAh มาชาร์จในเวลาเพียง 5 นาทีได้มาถึง 48% เลยทีเดียว (อ่านต่อคลิ้ก)

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Google ปัด ไม่มีแผนรวม Android กับ Chrome OS

เมื่อวานมีข่าวว่าในอนาคตอันใกล้นี้เราอาจมีโอกาสได้เห็นและได้ใช้คอมพิวเตอร์ภายใต้ Chrome OS ที่รวมคุณสมบัติของ Android เข้าไว้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้เกิดเป็นระบบปฏิบัติการแบบครบวงจร สามารถใช้งานได้อย่างไร้รอยต่อ
Wall Street Journal สื่อดังในต่างประเทศ เปิดเผยข้อมูลล่าสุดว่า Google เดินหน้าแผนการควบรวม Chrome OS และ Android ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งจะสามารถทำงานได้ทั้งคอมพิวเตอร์พีซี และ Chromebooks (แต่ในอนาคตอาจใช้ชื่อใหม่) โดยแผนการนี้เริ่มต้นมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว และคาดว่าจะเริ่มปล่อยต้นแบบภายในปี 2016 ก่อนจะพัฒนาให้มีความสมบูรณ์จนสามารถใช้งานทั่วไปได้ภายในปี 2017 เดิมที Chrome OS เป็นระบบปฏิบัติการที่มีเฉพาะอุปกรณ์ Chromebook เท่านั้น แต่จะเห็นได้ว่า Google เริ่มเพิ่มความสามารถของ Chrome OS ให้รองรับกับแอพฯ และบริการต่างๆ ของ Android ได้มากขึ้น ซึ่งแผนการควบรวมครั้งนี้อาจมีการปรับการใช้งานในหลายๆ ส่วน แต่จะยังคงบราวเซอร์ Google Chrome ไว้เช่นเดิม อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่คาดว่าจะเกิดขึ้น อาทิ การปรับ UI ให้เหมาะสมกับฮาร์ดแวร์อื่นๆ เช่น เมาส์, ทัชแพด และคีย์บอร์ด เพื่อให้เกิดความง่ายสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ส่วนจะมีโน้ตบุกที่เป็น Android เพียวๆ เลยหรือไม่นั้น คงต้องดูกันต่อไป
หลังจากที่เมื่อวานทาง Wall Street Journal  ได้รายงานว่า Google มีแผนจะรวมเอาระบบปฏิบัติการ Chrome OS กับ Android เข้าด้วยกันภายในปี 2017  วันนี้ทาง Google ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวเสียแล้ว…
 
อย่างที่เราทราบกันดีว่า Smartphone และ Tablet ที่ใช้ระบบปฏิบัติการของ Google จะใช้ระบบ Android แต่ Chromebook (คล้ายๆโน้ตบุ๊ค แต่ใช้งานผ่าน Cloud เป็นหลัก) จะใช้ระบบปฏิบัติการ Chrome OS ซึ่งเมื่อวานก็มีข่าวลือว่าทาง Google จะรวม 2 ระบบเข้าด้วยกัน เพื่อให้อุปกรณ์ต่างๆใช้ระบบปฏิบัติการเพียงระบบเดียว อย่างไรก็ตาม Hiroshi Lockheimer หัวหน้าฝ่าย Android , Chrome OS และ Chromecast ของ Google ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวผ่านทางทวิตเตอร์แล้ว และยืนยันว่า Chromebook ยังคงจะใช้ระบบ Chrome OS เหมือนเดิม แต่ในอนาคตทั้ง 2 ระบบจะมีรูปแบบการทำงานที่ใกล้เคียงกันมากขึ้น เนื่องจากระบบทั้ง 2 ก็ถูกพัฒนามาจาก Linux เหมือนๆกัน จึงง่ายที่จะทำให้ประสบการณ์การใช้งานของ 2 ระบบนั้นใกล้เคียงกัน ถึงแม้ว่าที่บ้านเราอาจจะมีคนใชช้ Chromebook ไม่มานัก แต่ที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะในแวดวงการศึกษา Chromebook ได้รับการตอบรับอย่างดี เนื่องด้วยราคาที่ถูก ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้
ขอขอบคุณแหล่งที่มาจาก : aRipfan 1 / aRipfan 2